หมากรุกและหมากชีวิต
ตามปรกติที่ร้านกาแฟข้างวัดมักจะมีลูกค้าหลากหลายอาชีพมาดื่มกาแฟ น้ำชา เป็นต้น ในขณะที่ดื่มไปก็จะตั้งวงเล่นหมากรุกกันเพลินๆ บางครั้งอาจจะมีการเดิมพันโดยผู้แพ้เป็นคนจ่ายค่ากาแฟ ซึ่งผู้คนเหล่านี้มาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งข้าราชการเกษียณ คนขับรถรับจ้าง หรือแม้แต่มัคนายกวัดก็มาร่วมงานด้วย หลวงตาก็มักจะแวะเวียนไปนั่งคุยกับคนเหล่านี้บ้างในบางคราว แม้ว่าจะเล่นหมากรุกไม่ค่อยเป็น แต่ก็ดูออกว่าใครแพ้ใครชนะ หลวงตาจะได้ฉันกาแฟฟรีทุกวันในตอนเย็นหลังทำวัตรสวดมนต์
หลวงตาเดินออกจากพระอุโบสถผ่านร้านกาแฟ กะว่าจะฉันกาแฟสักแก้วแล้วค่อยขึ้นกุฏิ พอเดินเข้าร้านกาแฟพลันต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงเอะอะโวยวาย เหมือนกำลังจะลงไม้ลงมือกัน พอเห็นหลวงตาเดินผ่านมา ชายคนหนึ่งจึงนิมนต์ให้หยุดก่อนช่วยตัดสินปัญหาบางอย่างให้พวกผมด้วย พอหยุดถามเสียงทะเลาะกันก็หยุดลง จากนั้นจึงช่วยกันอธิบายขยายความว่า “พวกผมตั้งวงเล่นหมากรุกกันโดยมีเดิมพันติดมือนิดหน่อย แต่เจ้านี่เล่นไม่ซื่อเล่นโกง ผมกำลังจะเดินม้ารุกฆาตอยู่ชัดๆแต่พอหันกลับมาหลังจิบกาแฟกลายเป็นว่าผมถูกรุกฆาต เพราะเขาเปลี่ยนตาเดิน อย่างนี้ต้องลงมติให้เป็นฝ่ายแพ้ฟาล์ว ผมต้องได้เงินเดิมพันจึงจะถูก เขาต้องเป็นคนจ่ายค่ากาแฟในวันนี้ หลวงตาช่วยตัดสินและเป็นพยานให้ผมด้วย” จากนั้นก็มีเสียงสนับสนุนเสียงดัง
ชายที่ถูกกล่าวหาทักท้วงขึ้นมาทันใดว่า “ผมยุติธรรมที่สุดแล้ว หมากอยู่ที่เดิมเขาเดินพลาดเอง จะมาโทษผมไม่ได้ คงเมากาแฟจนตาลายเลยคิดว่าจะรุกฆาตผมแต่ถูกผมรุกฆาตก่อน ผมต้องเป็นฝ่ายชนะ ผมต้องได้เงินเดิมพัน ค่ากาแฟวันนี้เขาต้องเป็นคนจ่าย” พูดจบก็มีเสียงสนับสนุนอีกและเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หลวงตาที่ไม่ค่อยรู้เรื่องหมากรุกสักเท่าไหร่ได้แต่ทำหน้างงๆ
เมื่อถามว่าเดิมพันเท่าไหร่ เขาบอกว่าข้างละสองร้อย จากนั้นก็นำเงินมาวางไว้ตรงกลาง เมื่อถามว่าจะยอมรับคำตัดสินหรือไม่ เมื่อทุกคนบอกว่ายอมรับ เพราะขอร้องให้หลวงตาตัดสินเอง หลวงตาจึงตัดสินทันใดว่า “เกมนี้แพ้ทั้งคู่ให้ริบเงินเดิมพันและบริจาคเป็นค่าน้ำค่าไฟบำรุงวัด” ที่ประชุมทำตาปริบๆเพราะพูดไม่ออก บางคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าเถียง ตกลงว่าเงินสี่ร้อยบาทเลยต้องไปอยู่ในตู้บริจาคในวัดนั่นเอง
ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ไม่น่าหลงกลหลวงตาเลย” แต่พอเห็นสายตาของทุกคนที่มองมาที่คนพูดเป็นจุดเดียวกันเหมือนนักกันไว้ ชายคนนั้นจึงเงียบเสียงลงโดยปริยาย พวกเราขอให้หลวงตาเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์เองจะไปโทษท่านไมได้ และอีกอย่างเงินนั้นก็ไม่มีใครได้ไป เพราะตกเป็นสมบัติกลางของวัดไปแล้ว
หลวงตาจึงสั่งกาแฟเลี้ยงทุกคนและให้แยกย้ายกันไป ตกลงว่ากรรมการต้องเป็นคนจ่ายเงินค่ากาแฟเสียเอง ไม่น่าหลงกลรับเป็นกรรมการเลย หลวงตาบ่นพรำพรำก่อนจะเดินกลับกุฏิ ในช่วงนั้นพลันคิดถึงกลอนตอนหนึ่งที่พูดเกี่ยวกับหมากรุกและชีวิต จึงค้นหาไปพบเข้าที่สมุดบันทึกเล่มหนึ่ง มีใจความว่า
เดินหมากรุกแต่ละครั้งยังต้องคิด หมากชีวิตเดินพันนั้นใหญ่กว่า
แม้ประมาทพลาดพลั้งพังทันตา คิดล่วงหน้าให้ตลอดจะปลอดภัย ฯ
คนเล่นหมากรุกต้องคิดให้รอบคอบทุกครั้งก่อนจะเดินหมากออกไป เพราะตาหมากรุกมีหลายตา จนกระทั่งมีคำโบราณกล่าวเป็นเชิงเปรียบเทียบไว้ว่า “เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ” ก็มาจากกระดานหมากรุกนี่เอง ตัวม้าเดินได้รอบทิศทางทั้งสี่ทิศ ส่วนตาเรือก็จะเดินได้ไกลทั้งขึ้นทั้งล่อง หากไม่ระวังเผลอเดินไปยังตาเรือเข้าก็จะต้องถูกกินฟรี การรุกฆาตอาจจะมีได้หลายทางแต่หมากที่สำคัญที่สุดในการรุกฆาตยังคงเป็นม้าและเรือ รุกฆาตได้ง่ายที่สุด ระวังขุนจะต้องเสียเรือ หรือไม่ก็ไม่มีทางเดิน ตัวขุนจนแต้มเดินไม่ได้ก็จะต้องล้มพ่ายทั้งกระดาน หมากรุกจึงเป็นเกมกีฬาที่จะต้องใช้ทั้งสติปัญญาความคิดให้รอบคอบ แต่ทว่าเกมหมากรุกนั้นหากพ่ายแพ้ในกระดานหนึ่งก็อาจจะตั้งต้นและเริ่มใหม่ได้
ส่วนชีวิตของมนุษย์แต่ละคนนั้นจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะเดินไปทางไหน เริ่มต้นจากวัยเด็กจะเรียนที่ไหนเรียนสายอะไร จะสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไหหน สาขาอะไร จบออกไปแล้วจะทำงานอะไร นั่นเป็นการวางแผนระยะยาว ชีวิตทั้งชีวิตต้องวางแผนให้ดี แม้ว่าบางครั้งการดำเนินชีวิตจะไม่ได้เป็นไปตามแผน ก็ยังดีที่ยังมีแผน บางคนพ่อแม่ผู้ปกครองวางแผนให้ แต่บางคนวางแผนชีวิตด้วยตนเอง
การวางแผนในระยะสั้นนั้นอาจวางแผนเป็นปี เดือนหรือเป็นวัน บางคนวางแผนเป็นรายปีว่าปีนี้ควรจะทำอะไร มากน้อยแค่ไหน การปฏิบัติธรรมก็เฉกเช่นเดียวกัน จะวางแผนและเริ่มต้นอย่างไร บางคนเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ข้ามปี พอเสร็จงานก็เลิกไม่สานต่อ ไม่สวดมนต์ต่อ ผลที่ได้รับก็อาจจะไม่ได้เต็มที่
หลวงตานั่งคิดจำแนกหมากรุกและชีวิตเพลินๆก็ย้อนกลับมาคิดถึงแผนชีวิตประจำปีของตนเอง ซึ่งชีวิตของพระสงฆ์ดูเหมือนจะไม่มีแผนอะไร หากสิ่งที่ทำกลายเป็น กิจวัตรและนิสัยไปแล้ว ตื่นนอนออกบิณฑบาต กลับมาทำวัตรสวดมนต์เช้า หากมีกิจนิมนต์ก็อาจจะต้องออกจากวัดทั้งวัน ตอนเย็นหากกลับมาทันก็ทำวัตรสวดมนต์เย็น กลับเข้ากุฏิและพักผ่อน เดี๋ยวสิหลวงตาท้วงติงตัวเอง “ต้องแวะที่ร้านกาแฟฉันกาแฟ ดูเขาเล่นหมากรุกสักหน่อย จึงจะกลับเข้ากุฏิ” หลวงตาหัวเราะความขี้หลงขี้ลืมของตนเองก่อนจะนั่งกำหนดจิตนั่งสมาธิภาวนาก่อนจะหลับซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาจนเกิดความเคยชิน แม้ชีวิตจะไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าแต่ไม่ประมาทพร้อมที่จะตายได้ทุกเวลา หลวงตาเริ่มวางแผนเขียนประวัติตัวเองไว้แจกในงานศพ และตั้งใจว่าจะเขียนอัตตชีวประวัติของตนเองให้เสร็จภายในปีนี้ ไม่อย่างนั้นหากตายไปโดยที่ไม่ได้เขียนประวัติไว้ปล่อยให้คนอื่นเขียนให้ เขาอาจเขียนผิดก็ได้ ประวัติของตนเองใครจะไปรู้เท่าตัวเราเอง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
07/01/55
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น